วัดพระปรางค์ สิงห์บุรี เป็นอีกหนึ่งวัดชื่อดังและเก่าแก่ ของจังหวัดสิงห์บุรี เป็นวัดที่มีสิ่งของโบราณต่างๆที่น่าสนใจ แต่จะมีอะไรบ้างนั้น วันนี้ lottosod เรานำมาฝากให้เพื่อนๆทั้งหลายได้รับชมกันแล้วนะคะ หากเพื่อนๆที่ได้มาเที่ยวในจังหวัดนี้กันก็ห้ามพลาดที่จะแวะวัดนี้เพื่อไปดูเจดีย์เก่าแก่และสิ่งต่างๆที่น่าสนใจอีกมากมายกันเลยนะคะ มาดูกันว่าจะมีอะไรบ้าง สามารถดูได้ดังต่อไปนี้เลยนะคะ
วัดพระปรางค์ สิงห์บุรี ศึกษาศิลปะตอนต้นอยุธยา
แน่นอนหากพูดถึงวัดเก่า สมัยอยุธยาตอนต้นแล้ว ทุกคนก็จะต้องนึกถึงวัดพระปรางค์ เป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรม มาตั้งแต่สมัยอยุธยา และ ยังคงเก็บรักษาเอา ไว้อย่างดีจนปัจจุบัน ด้วยความเป็นเอกลักษณ์ ของพระปรางค์มีความคล้ายฝักข้าวโพด ที่ทำให้วัดแห่งนี้เป็นที่น่าสนใจ มาดูกันว่าจะมีความเป็นมา อย่างไรเรานำมาฝากแล้วนะคะ
ความเป็นมาของวัดแห่งนี้
วัดแห่งนี้มีพระปรางค์ที่เป็นศิลปะแบบ อยุธยาตอนต้น ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 21 โดยสันนิษฐานว่า ได้สร้างในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยองค์ปรางค์มีความสูงประมาณ 15 เมตร ก่อด้วยอิฐแบบปรางค์ไทยทั่วไป และ มีความสูงชะลูดคล้ายฝักข้าวโพด มีฐานเตี้ย และ ภายในกลวง มีคูหาเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส บนผนังคูหา และ ในปัจจุบันร่องรอยของภาพจิตรกรรม ฝาผนังก็ได้ลบเลือนหายไปบ้างแล้ว ส่วนด้านหลังพระปรางค์ ก็มีวิหารเก่าแก่แบบอยุธยา ที่ด้านหน้าบันเป็นลาย แกะสลักไม้รูปตัวสิงห์และ คันทวยต่าง ๆ ที่มีภูเขา และ ยังมีรอยพระพุทธบาทจำลอง บนยอดเขา นอกจากที่วัดแห่งนี้ นั้นยังปรากฏร่องรอยของเตาเผาแม่น้ำน้อย อยู่ประมาณ 3-4 เตา โดยวัดพระปรางค์ถูกขึ้นทะเบียน ให้เป็นโบราณสถาน ของประเทศไทย ไปเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2478 ทำให้เป็นวัดสำคัญ และ เก่าแก่อีกแห่งหนึ่งในจังหวัดสิงห์บุรี
วัตถุมงคลของวัดแห่งนี้
หลวงพ่อศรี คือเกจิชื่อดังของวัดแห่งนี้ ท่านได้มีวัตถุมงคลของ หลวงพ่อศรีที่โด่งดังมาก ๆ ก็คือ เชือกคาดเอว น้ำมันมนต์ น้ำมนต์ แหวน ตะกรุดมหาอุด สีผึ้งมหาเสน่ห์ และมีเหรียญรูปเหมือนรุ่นแรกของท่าน ที่สร้างขึ้นมาเพื่อที่จะแจกเป็นที่ระลึกแก่ผู้ที่มาร่วมทำบุญและช่วยสร้างศาลาวัดพระปรางค์ โดยพิธีกรรมในการสร้างเหรียญ ของหลวงพ่อก็มีความ พิถีพิถันอย่างมาก ท่านได้นำทองแดง มาลงอักขระเลขยันต์ก่อน แล้วนำมานั่งปลุกเสก เมื่อเสร็จแล้วท่านจึงนำไปหล่อหลอม และ รวมกับทองแดงที่จะทำการปั๊มเป็นเหรียญ เมื่อปั๊มเป็นเหรียญ มาเสร็จแล้วท่าน ก็จะนำมาปลุกเสกแบบ เดี่ยวกันอีกรอบ สรุปแล้ว วัตถุมงคลที่เป็นทุกชิ้นของ ท่านจึงเป็นวัตถุมงคล ที่ต้องดีทั้งภายนอก และ ภายใน หลวงพ่อศรี ท่านละสังขารไปเมื่อปีพุทธศักราช 2485 สิริอายุ 72 ปี 52 พรรษา โดยก่อนที่ท่านจะมรณภาพท่านเคยสั่งเสียลูกศิษย์ของท่านทุกคนเอาไว้ชัดเจน พร้อมระบุวันละสังขาร ได้อย่างถูกต้อง และ แม่นยำอย่างน่าอัศจรรย์ แสดงให้เห็นถึงปาฏิหาริย์แห่ง “พระอภิญญา” โดยแท้จริงนั้นเอง
วันนี้ เราก็ได้นำความเป็นมาของวัดแห่งนี้ มาฝากให้กับเพื่อน ๆ กันแล้วนะคะ หากเพื่อน ๆ คนไหนที่ต้องการไปหาวัตถุมงคล หรือ ต้องการที่จะดูสถาปัตยกรรม สมัยอยุธยาตอนต้นกันก็ อย่าลืมไปเที่ยวกันที่ จังหวัดสิงห์บุรีนะคะ หากสนใจเรื่องราวต่าง ๆ ของวัดสวยงามในไทย หรือ วัดที่จะพาเพื่อน ๆ ไปขอหวย ขอโชคลาภ เราจะนำมาฝากให้กับเพื่อน ๆ นะคะ วันนี้ต้องขอตัวลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ ในบทความหน้านะคะ สวัสดีค่ะ
ความเห็นล่าสุด